|

เมื่อสามารถจัดการให้ข้าเก่าของตระกูลโอดะทั้งหมดยอมสยบต่อตนได้แล้ว
เป้าหมายต่อไปของฮิเดโยชิก็คือการรวบรวมแผ่นดินให้เป็นของตนอย่างแท้จริง
ซึ่งนี่คือเป้าหมายที่โนบุนางะยังทำไม่สำเร็จ
แต่ก่อนหน้านั้น
เพื่อประกาศไปทั่วแผ่นดินถึงอำนาจของฮิเดโยชิว่ายิ่งใหญ่เพียงใด
เขาจึงคิดจะทำการสถาปนาตนเองขึ้นเป็นโชกุน
แต่การจะขึ้นเป็นโชกุนนั้น ตามธรรมเนียมที่มีมา
จะต้องได้รับความเห็นชอบจากองค์จักพรรดิ
ซึ่งการให้ความเกรงใจและเคารพต่อองค์จักรพรรดินี้
ก็ยังเป็นสิ่งที่โนบุนางะซึ่งไม่เคยยอมลงให้ใครยังต้องยอมทำตาม
ฮิเดโยชิก็ไม่แพ้กัน การที่เขาจะขึ้นเป็นโชกุนได้
จะต้องได้รับคำยินยอมและการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจากองค์จักพรรดิ
ซึ่งในขณะนั้นองค์โองิมาจิได้สละราชบัลลังก์แล้ว
และมอบต่อให้กับหลานชายของตน ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่
พระนามว่า โก โยเซอิ
เมื่อไม่ได้รับแต่งตั้งและการยินยอมจากองค์จักพรรดิองค์ใหม่ให้เป็นโชกุน
ฮิเดโยชิก็ไม่พอใจ
ซึ่งสาเหตุหลังจากเรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเพราะชาติกำเนิดอันต่ำต้อยของเขาด้วย
เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการไปขอให้
อดีตโชกุนคนสุดท้ายของรัฐบาลมุโรมาจิ อาชิคางะ โยชิอากิ
ทำการรับเขาเป็นบุตรบุญธรรม
แน่นอนว่าโยชิอากิปฏิเสธ เพราะเขาเป็นศัตรูคู่แค้นกับโนบุนางะ
และฮิเดโยชิในฐานะอดีตบริวารคนสำคัญของโนบุนางะก็ถือว่าเป็นศัตรูด้วย
|
 |
ปีค.ศ. 1587 เมื่อไม่สามารถเกลี้ยกล่อมองค์จักรพรรดิได้
ฮิเดโยชิจึงได้กระทำในสิ่งที่คนทั่งแผ่นดินต้องตกตะลึง
ด้วยการประกาศแสนยานุภาพทางทหาร
เขาใช้กองทหารอันมหาศาลของตนเองเข้าบีบองค์จักรพรรดิโดยตรง
จากนั้นสร้างพระราชวัง จูราคุได ให้องค์จักรพรรดิเข้าประทับ
แต่แท้จริงแล้วเป็นการแสดงว่าแม้แต่องค์จักรพรรดิก็ยังต้องยอมแก่เขา
และในที่สุด
องค์จักรพรรดิก็ต้องยินยอมพระราบทานแต่งตั้งให้เขาเป็น คัมปาคุ
อันเป็นตำแหน่งทางการปกครองและการทหารสูงสุดเท่าที่สามัญชนจะพึงได้รับ
โดยก่อนหน้านี้
เขาได้ทำการสร้างปราสาทโอซาก้าขึ้นในฐานที่มั่นเก่าของวัดฮอนกันจิ
เพื่อใช้เป็นรากฐานในการครองแผ่นดิน
ฮิเดโยชิใช้กองทัพอันมหาศาลของเขา
เข้าทำศึกปราบปรามศัตรูที่ยังเหลืออยู่บางกลุ่ม
เช่นทางฝั่งตะวันตกของโมริ และยังเลยลงไปถึงการบุกเกาะคิวชู
ซึ่งอยู่ใต้การปกครองของตระกูลชิมาสุ
จนเขาสามารถปราบปรามดินแดนที่โนบุนางะเองก็ยังไปไม่ถึงลงได้สำเร็จ
|
 |
แต่กระนั้น บรรดาข้าเก่าของโนบุนางะที่มาสวามิภักดิ์แก่เขา
ก็ยังคงหาโอกาสลุกฮือ ก่อกบฏอยู่ตลอด
เพราะทนไม่ได้ที่จะต้องอยู่ใต้อำนาจบังคับบัญชาของเขา
เช่นซัตสะ นาริมาสะ อดีตขุนพลคนสำคัญของโนบุนางะ
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน ซึ่งกล่าวกันว่า
ฮิเดโยชินั้นเป็นผู้มีใจอารีและเห็นใจต่อพวกชาวนาและชนชั้นล่างมาก
เพราะเขาก็เคยเป็นชาวนามาก่อน แต่กับพวกตระกูลนักรบชั้นสูงแล้ว
เขามักไม่ค่อยให้ความเกรงใจและมักนิยมใช้กำลังของตนบีบบังคับตระกูลเหล่านั้นอยู่ไม่น้อย
โดยให้ตระกูลเหล่านั้นส่ง ทายาท
หรือคนสำคัญของตระกูลมาเป็นตัวประกันเพื่อเป็นหลักประกันในความซื่อสัตย์
แต่ถึงกระนั้นแล้วเขาก็ยังมีการผ่อนปรนให้มาก
ต่างจากยุคของโนบุนางะที่ไม่มีการผ่อนปรนต่อผู้ต่อต้าน
กระทั่งกับผู้ใต้บังคับบัญชาเองก็ตาม
ซึ่งฮิเดโยชิเองก็ศึกษาจุดอ่อนและความตึงเกินไปตรงจุดนี้ของโนบุนางะ
และมาแก้ไขตามแบบฉบับของเขา
ทำให้การปกครองในยุคของเขานั้นดูราบรื่นขึ้นมากกว่ายุคของโนบุนางะ
แต่สิ่งที่ทั้งสองมีเหมือนกัน
หรือจะบอกว่าฮิเดโยชิลอกแบบมาจากโนบุนางะ
นั่นคือการจัดการกับศัตรูอย่างเด็ดขาดและรุนแรง
แต่ฮิเดโยชิก็เป็นผู้ที่รัก และนิยมคนมีความสามารถ
ในยุคสมัยของเขานั้น
มีเหล่าคนหนุ่มผู้มีความสามารถปรากฏขึ้นมามากมาย
ทั้งจากใต้อาณัติของเขาเองและจากตระกูลไดเมียวต่างๆ
ในยุคของเขานั้น ปรากฏขุนศึก นักรบ
และซามูไรหนุ่มที่มีความสามารถล้นเหลือขึ้นมามากมาย
แม้ทั้งหมดจะเคยต่อต้านเขา
แต่เมื่อเขาได้กลายเป็นผู้ครองแผ่นดิน
พวกเขาเหล่านั้นก็ต้องอยู่ภายใต้อาณัติของเขาทั้งสิ้น
|
 |
ขุนพลเหล่านั้นที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประวัติศาสตร์ เช่น
ซานาดะ ยูคิมูระ ,ดาเตะ มาซามุเนะ ,อิชิดะ มิสึนาริ ,มาเอดะ
เคจิโร่ ,ชิมะ ซาคอน ,คาโต้ คิโยมาสะ ,ฟุกุชิมา มาซาโนริ
และในปี ค.ศ. 1590 นี้เอง
ที่ช่วยตอกย้ำว่ายิ่งใหญ่คับแผ่นดินของฮิเดโยชิยิ่งขึ้น
เมื่อโฮโจ อุจิมาสะ เจ้าตระกูลโฮโจ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งคันโต
ได้ประกาศศึกกับฮิเดโยชิอย่างไม่เกรงกลัว
ฮิเดโยชิจึงทำการระดมเหล่าขุนพลและทหารทั้งหมดจากทุกตระกูลไดเมียวเพื่อเข้าทำศึกที่ปราสาทโอดาวาระ
อันเป็นที่มั่นของตระกูลโฮโจ
การศึกที่โอดาวาระนั้น พูดได้ว่าคือการศึกที่รวบรวมเหล่าขุนพล
ซามูไร นักรบ ที่เก่งกาจที่สุดทั่วแผ่นดินในขณะนั้นมาทั้งหมด
โดยมีฮิเดโยชิเป็นผู้นำ
และในศึกนี้ยังเป็นการประกาศชื่อของขุนพลหนุ่มผู้มีความห้าวหาญอีกคนให้เป็นที่รู้จักกันทั่วแผ่นดิน
นั่นคือบุรุษผู้ตาบอดหนึ่งข้าง นามว่า ดาเตะ มาซามุเนะ
ซึ่งได้รับฉายาว่า มังกรตาเดียวแห่งเซนได
ดาเตะเป็นผู้หนึ่งที่มีอิทธิพลในดินแดนคันโต
เดิมทีเขาเป็นพันธมิตรลับร่วมกับโฮโจในการต่อต้านฮิเดโยชิ
กระทั่งเมื่อฮิเดโยชิประกาศระดมขุนพลทั่วแผ่นดิน
เขาเป็นไดเมียวผู้เดียวที่ไม่ยอมเข้าพบฮิเดโยชิ
จนกระทั่งฮิเดโยชิไม่พอใจอย่างยิ่ง
แต่ก่อนหน้าที่กองทัพมหึมาของฮิเดโยชิซึ่งรวบรวมขุนพลทั่วแผ่นดินจะเข้าประชิดปราสาทโอดาวาระ
มาซามุเนะได้พิจารณาทางเลือกของตนแล้ว
คิดว่าโฮโจไม่อาจต้านทานฮิเดโยชิได้แน่ หากต่อต้าน
ตระกูลดาเตะก็อาจเป็นภัย จึงตัดสินใจเข้าพบฮิเดโยชิ
และสวามิภักดิ์ ซึ่งในการเข้าพบนั้น
เล่ากันว่ามาซามุเนะซึ่งยังหนุ่มแน่น
ไม่ได้แสดงท่าทีเกรงกลัวบารมีและกองทัพอันยิ่งใหญ่ของฮิเดโยชิเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นกองทหารที่มีจำนวนนับแสนคนของฮิเดโยชิก็เช้าปิดล้อมปราสาทโอดาวาระไว้
อุจิมาสะซึ่งเริ่มหวาดกลัวและตระหนักถึงอำนาจแท้จริงของฮิเดโยชิคิดจะยอมจำนนก็สายเกินไป
ฮิเดโยชิแม้จะนำกองทัพมามหาศาล
แต่เขากลับเลือทกี่จะตรึงกำลังปิดล้อมปราสาทไว้โดยไม่รบ
เพื่อเป็นการบีบให้อุจิมาสะต้องยอมแพ้
แต่แม้ว่าอุจิมาสะจะยอมโดยการส่งหนังสือออกไปแล้ว
ฮิเดโยชิก็ทำเป็นไม่สนใจ และเตรียมที่จะยกกองทัพทั้งหมดเข้าลุย
ทำให้อุจิมาสะไม่มีทางเลือก นอกจากคว้านท้องตนเอง
เพื่อป้องกันไม่ให้โฮโจล่มสลาย
|
 |
ผลจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่ปราสาทโอดาวาระ
ทำให้ฮิเดโยชิไร้ศัตรูคนใดในแผ่นดิน และในปีค.ศ. 1592
เขาก็ได้ออกจากตำแหน่งคัมปาคุ
เพื่อเข้ารับตำแหน่งที่สูงส่งยิ่งกว่า นั่นคือตำแหน่งไทโค
กระนั้น ความทะเยอทะยานของเขาก็ยังคงคุกรุ่นอยู่
นั่นทำให้เขาเบนสายตาออกไปนอกเกาะญี่ปุ่น นั่นคือประเทศเกาหลี
ฮิเดโยชิตัดสินใจยกกองทัพหมายบุกตีเกาหลี ไม่เพียงเท่านั้น
เขายังวางแผนที่จะบุกตีเมืองจีนด้วยซ้ำ
เนื่องจากขณะนั้นราชวงศ์หมิงกำลังอยู่ในช่วงเสื่อมถอย
แต่การใหญ่ของฮิเดโยชิก็ไม่เป็นจริงดั่งฝัน
ชาวเกาหลีต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นอย่างสุดกำลัง
ฮิเดโยชิทุ่มเทกำลังทหารและเงินทองในการบุกเกาหลีทั้ง 3 ครั้ง
ทุกครั้งต่างสูญเสียทหารไปมากมาย
จนในที่สุดก็เกิดเป็นความไม่พอใจของเหล่าประชาชนที่ต้องถูกเกณฑ์ไปรบไม่หยุดหย่อน
รวมไปถึงคลื่นใต้น้ำของเหล่าไดเมียวต่างๆ
และก็คือการนับถอยหลังสู่จุดเสื่อมถอยในยุคสมัยของเขา
|
 |
ในปีค.ศ.1598 ไทโค โทโยโทมิ ฮิเดโยชิก็ป่วยหนักและเสียชีวิตลง
โดยมีทายาทเหลือเพียงผู้เดียวเป็นผู้สืบทอดที่มีอายุเพียง 5 ปี
นั่นคือโทโยโทมิ ฮิเดโยริ ซึ่งเป็นบุตรของเขากับจาจะ
หรือในภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นโยโด
สตรีผู้เป็นบุตรสาวของเจ้าหญิงโออิจิ น้องสาวของโนบุนางะ
ก่อนตาย
ฮิเดโยชิได้สั่งเสียและฝากฝังบ้านเมืองไว้กับคณะองคมนตรีทั้ง 5
คน
ซึ่งประกอบไปด้วยไดเมียวอาวุโสซึ่งทรงอำนาจที่สุดในตอนนั้นได้แก่
โตกุกาว่า อิเอยาสึ ,มาเอดะ โทชิอิเอะ ,อุเอสึงิ คาเคคัตสึ ,อุคิตะ
ฮิเดอิเอะ และ โมริ เทรุโมโตะ
ส่วนฮิเดโยรินั้น ถูกฝากฝังไว้กับ มาเอดะ โทชิอิเอะ
ซึ่งเป็นเพื่อสนิทที่สุด และเป็นไดเมียวผู้มีศักดินาสูงที่สุด
แต่ภายหลังโทชิอิเอะป่วยตายลงเสียก่อน จึงกลายเป็น
อิเอยาสึที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในบรรดาไดเมียวที่เหลืออยู่
และก็เป็นอิเอยาสึ ชายร่างอ้วนเตี้ยผู้นี้เอง
ที่ได้กลายเป็นผู้กุมชะตากรรมของประเทศญี่ปุ่นหลังจากสิ้นยุคของฮิเดโยชิเอาไว้
|