|

การจะผงาดขึ้นมาเป็นใหญ่ในแผ่นดินได้นั้น ต้องอาศัยความสามารถ
สติปัญญา และการตัดสินใจที่เด็ดขาด
แต่การจะขึ้นมาเป็นผู้กุมความเป็นใหญ่ในแผ่นดินแต่ผู้เดียวในท้ายสุดนั้น
ยังต้องอาศัยมากกว่านั้น นั่นก็คือสิ่งที่เรียกว่าดวง
ทาเคดะ ชินเก็นกำลังจะเข้าประชิดถึงเมืองหลวงเต็มทน
แต่กลับถูกโรคกระเพาะเล่นงาน
ซึ่งในยุคนั้นนับว่าเป็นโรคร้ายที่ยังไม่มียาแก้
เขาต้องป่วยหนัก และทำให้ทัพทาเคดะไม่อาจเคลื่อนพลต่อได้
ในที่สุดก็เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1573 รวมอายุได้ 52 ปี
เมื่อพยัคฆ์แห่งคาอิสิ้นลง บุตรชายของเขา ทาเคดะ คัตสึโยริ (ชิโร่)
ก็ได้ขึ้นสืบทอดต่อ
และรับหน้าที่ขุนพลเงาเพื่อถอยทัพตระกูลทาเคดะกลับไปคาอิอย่างเงียบๆ
จากนั้น 3 ปี
จึงจัดให้มีการไว้ทุกข์ขึ้นตามคำสั่งเสียก่อนตายของชินเก็น
ส่วนการดูแลเรื่องทั่วไปในกองทัพนั้น
มอบให้เป็นหน้าที่ของขุนพลอาวุโสทั้ง 10 แห่งทาเคดะ
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการรบบนหลังม้าและร่วมสู้ศึกกับชินเก็นมาช้านาน
จนได้ฉายาว่าฟุรินคาซัน
ตรงนี้น่าสนใจมากว่า หากชินเก็นยังไม่ตาย
และสามารถรุกคืบต่อไปได้จนได้เผชิญหน้ากับโนบุนางะ
ผลจะออกมาเป็นเช่นไร
บางทีอาจต้องมีการเขียนประวัติศาสตร์หลังจากนี้กันใหม่เลย
ซึ่งการตายของชินเก็นนี้
นักประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นบางคนก็ลงความเห็นว่าอาจเกิดจากการถูกลอบสังหาร
โดยพวกนินจาที่โนบุนางะส่งมา
เนื่องจากประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงสงครามนั้น
มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่ลึกลับและซับซ้อนมาก
บรรดาผู้ที่อาศัยในเงามืดและไม่ได้แสดงตัวที่ด้านหน้าเช่นพวกนินจาหรือมือสังหารนั้น
มีส่วนอย่างมากในการผลักดันประวัติศาสตร์ให้เป็นไป
ซึ่งการตายของชินเก็นนั้นอาจเป็นแผนการของโนบุนางะ
หรือเป็นชะตาของชินเก็นเองที่ไม่มีดวงพอจะขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของแผ่นดิน
|
 |
เมื่อเสี้ยนหนามใหญ่อย่างชินเก็นหายไป
ผู้ที่หัวเราะอย่างสะใจที่สุดย่อมไม่พ้นโนบุนางะ
เขารู้อยู่แล้วว่าผู้อยู่เบื้องหลังของชินเก็นคือโชกุนโยชิอากิ
ดังนั้นเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับโชกุนโยชิอากิให้เด็ดขาดเสีย
เดิมทีแผนการของโยชิอากิคือการอาศัยกำลังของชินเก็น
วันฮอนกันจิ อาซาอิ อาซาคุระ
จัดขึ้นเป็นแนวร่วมเข้ารุกโนบุนางะจากหลายทาง
และให้ชินเก็นบกทัพเข้าเมืองหลวง
ฝ่ายโนบุนางะเองก็พร้อมรับสถานการณ์และตั้งใจจะเผด็จศึกกับกองทัพม้าไร้เทียมทานของชินเก็นที่กิฟุอยู่แล้ว
แต่ในเมื่อชินเก็นตายลง แผนทุกอย่างก็พังทันที
เพราะลำพังกองทัพอาซาอิ อาซาคุระ และวัดฮอนกันจินั้น
ยังไม่เพียงพอที่จะตรึงทัพของโนบุนางะไว้ทุกทิศได้
จะว่าไปแล้วโยชิอากิเองก็พลาดที่หวังพึ่งในตัวชินเก็นมากเกินไป
เมื่อชินเก็นต้องมาป่วยตายลงแบบนี้ แผนทุกอย่างก็จบสิ้น
แต่โยชิอากิก็ยังดึงดันที่จะหาทางก่อกบฏต่อโนบุนางะอยู่ดี
ดังนั้นโฮโซคาว่า ฟุจิทากะ
เสนาธิการของเขาจึงแนะนำให้ใช้กำลังเข้าล้อมจวนที่ว่าการเกียวโต
เพื่อจะดูกำลังและหยั่งเชิงการตอบโต้ของโนบุนางะ
ผลคือโนบุนางะไม่ได้แยแสกับศึกทางภายนอกมากเท่าไหร่นัก
อาจเพราะศึกทางภายนอกไร้ชินเก็นแล้วก็ได้ เขายกทัพใหญ่กว่า 3
หมื่นเข้าล้อมเมืองหลวงไว้ เพื่อบีบให้โยชิอากิยอมแพ้
องค์จักรพรรดิโองิมาจิเกรงการศึกที่เกิดขึ้นจะทำให้เมืองหลวงต้องพินาศ
จึงมีรับสั่งขอให้ทั้งสองฝ่ายสงบศึก โนบุนางะเห็นแก่รับสั่ง
จึงยินยอม แต่โยชิอากิก็ยังคงดึงดันที่จะสู้ต่อ
จึงไปผูกพันธมิตรกับทางโมริ เทรุโมโตะ เพื่อเปิดศึกอีกครั้ง
โนบุนางะจึงตัดสินใจเด็ดขาดในการที่จะจัดการกับโยชิอากิ
โดยไม่สนใจคำขอให้สงบศึกจากองค์จักรพรรดิ
|
 |
ปีค.ศ. 1573 เดือน 7 โนบุนางะยกกองทัพเข้าเผาเมืองหลวงจนวอดวาย
และเข้าล้อมปราสาทนิโจไว้ และในที่สุดโยชิอากิก็ต้องยอมแพ้
โนบุนางะไม่สังหารเขา แต่เนรเทศออกไปนอกเมืองหลวง
และเข้ายึดครองความเป็นใหญ่ในเมืองหลวงไว้แต่ผู้เดียว
เป็นอันปิดฉากการปกครองของรัฐบาลมุโรมาจิ และตระกูลอาชิคางะ
ที่มีมากกว่า 200 ปี
จากนั้นองค์จักรพรรดิจึงยอมเถลิงปีศึกราชขึ้นใหม่เป็นปีเทนโชตามคำขอของโนบุนางะ
เป็นอันเปิดศักราชแห่งจอมมารอย่างสมบูรณ์แบบ
และเป้าหมายต่อไปที่โนบุนางะจะต้องสะสางก็คือ ตระกูลอาซาอิ
และอาซาคุระ
ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มสู่การศึกแห่งโศกนาฏกรรมที่ปราสาทโอดานิ
|